เทคโนโลยีดิจิทัลคืนชีวิตให้จิตรกรรมฝาผนังอันล้ำค่าในกรุงปักกิ่ง
นักท่องเที่ยวเยี่ยมชมศูนย์ศิลปะจิตรกรรมฝาผนังวัดฝาไห่ ณ กรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน 31 ม.ค. 2565
(ซินหัว/จาง เฉินหลิน)
ในปี พ.ศ. 2480 แองเจล่า ลัทแฮม นักข่าวบริติชได้ตีพิมพ์บทความในหนังสือพิมพ์ประเทศอังกฤษ (Illustrated London News) เรื่องการมาเยือนวัดฝาไห่ ซึ่งอยู่ชานเมืองทางตะวันตกของกรุงปักกิ่ง
วัดฝาไห่สร้างขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ. 1982 ปีที่สี่ของการปกครองของจักรพรรดิเจิ้งถ่งแห่งราชวงศ์หมิง (พ.ศ. 1911-2187) มีชื่อเสียงจากจิตรกรรมฝาผนังเฟรสโกที่รู้จักกันในนาม “ภาพเฟรสโกหลักสามแห่งในจีน” อีกสองแห่งคือจิตรกรรมฝาผนังที่พบในเมืองตุนหวงและพระราชวังหย่งเล่อ
“ฉันในฐานะจิตรกรเฟรสโกคิดว่า เทคนิคการวาดแบบราชวงศ์หมิงเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมเทียบได้กับของปรมาจารย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทุก ๆ ด้าน” เธอกล่าว
“เนื่องจากผู้ดูแลงานศิลปะประเภทนี้มักจะไม่ได้เป็นจิตรกรเฟรสโก และไม่เข้าใจหรือขาดความเข้าใจเรื่องสื่อวัสดุของชิ้นงานที่ตนดูแลอยู่ จึงชอบที่จะปล่อยภาพวาดไว้ตามเดิมดีกว่า อย่างชิ้นที่อยู่ในการดูแลของพระสงฆ์ ซึ่งไม่ได้ซาบซึ้งถึงคุณค่าของมัน” เธอกล่าวแสดงความรู้สึกไว้ในบทความของเธอทั้งในแง่ความปิติยินดีในการค้นพบจิตรกรรมเฟรสโกที่วัดฝาไห่ และในแง่ความกังวลต่อการละเลยและการเสื่อมโทรมของสมบัติโบราณด้วย
วัดฝาไห่ถูกทำลายหลายครั้งในประวัติศาสตร์ หลังจากการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี พ.ศ. 2492 รัฐบาลจีนจัดสรรเงินเพื่อบูรณะถึงสี่ครั้ง รูปลักษณ์ทางประวัติศาสตร์ของวัดได้รับการบูรณะ และภาพจิตรกรรมฝาผนังได้รับการอนุรักษ์มาจนถึงทุกวันนี้
แม้ว่าภาพเฟรสโกของวัดฝาไห่ที่สวยสดงดงามและภาพนูนสามมิติยังคงเปล่งประกายชัดเจนหลังจากเวลาผ่านไปเกือบ 600 ปี ผู้ที่ต้องการชมความยิ่งใหญ่ของภาพดั้งเดิมที่ชัดเจนกว่านี้ก็ยังรู้สึกไม่เพียงพอ
นายเถา จวิน รองผู้อำนวยการคลังโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมแห่งวัดฝาไห่กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ต้องแน่ใจว่าชิ้นส่วน 10 ชิ้นนี้ถูกเก็บแบบไม่ให้โดนแสงเป็นระยะเวลานานพอเพื่อปกป้องจิตรกรรม เฟรสโก โถงใหญ่ที่ตั้งของจิตรกรรมเฟรสโกจะเปิดให้เข้าชมอย่างจำกัดทุกวัน และผู้เยี่ยมชมต้องใช้ไฟฉายแสงเย็นเท่านั้นในการชมภาพ
นักอนุรักษ์โบราณวัตถุทางวัฒนธรรมของจีนเริ่มค้นพบความสมดุลระหว่างการปกป้องและการใช้ประโยชน์จากจิตรกรรมฝาผนังวัดฝาไห่ด้วยการจัดการและมีมาตรการการอนุรักษ์ที่เคร่งครัดขึ้น รวมทั้งนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการจัดการวัตถุโบราณทางวัฒนธรรม อาศัยวิธีการใหม่ๆในการป้องกันและนำเสนอโดยใช้เทคโนโลยีอันทันสมัย ซึ่งจะช่วยเลื่อนระยะเวลา “เสื่อมอายุ” ของจิตรกรรมเฟรสโกวัดฝาไห่ และวัดก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ธีมจิตรกรรมฝาผนังแห่งวัดฝาไห่ที่ศูนย์ศิลปะดิจิทัลช่วยฟื้นฟูจิตรกรรมอันทรงคุณค่า ได้เปิดให้สาธารณชนเข้าชมตั้งแต่เดือนมกราคม การจัดแสดงของศูนย์ศิลปะแห่งวัดฝาไห่นำเสนอจิตรกรรมฝาผนังขนาดดั้งเดิมด้วยจอแสดงผลภาพความคมชัดระดับ HD 4K ภาพทั้ง 77 ภาพ ถูกแสดงออกมาด้วยการสร้างแบบจำลอง 3D ระดับพิกเซลอย่างไร้ที่ติ
รายละเอียดของภาพบนใบหน้าของพระอวโลกิเตศวรปางพระจันทร์-น้ำ ภาพที่เป็นตัวแทนแห่งจิตรกรรมเฟรสโกของวัดฝาไห่ยากที่จะสร้างออกมาด้วยสภาพแสงสลัว อย่างไรก็ตาม หลังจากสร้างแบบจำลอง 3D ทำให้เห็นพระพักตร์ขนาดสูงกว่า 3 เมตร ได้อย่างชัดเจนบนจอภาพความคมชัดระดับ HD 4K ณ หอแสดงภาพจิตรกรรม ชั้นใต้ดินของศูนย์ศิลปะ
“จิตรกรรมฝาผนังโดดเด่นเป็นพิเศษหลังจากได้รับการบูรณะแบบดิจิทัล ลักษณะภาพ สัตว์ ดอกไม้และนกบนภาพเฟรสโกเหมือนมีชีวิตจริงออกมาจากประวัติศาสตร์ ฉันเห็นถึงภูมิปัญญา ความฉลาดและทักษะอันปราณีตของจิตรกรโบราณ” คุณหลิว ผู้เยี่ยมชมกล่าว
หลิว เสี่ยวปัว ภัณฑารักษ์ของศูนย์ศิลปะกล่าวว่า “ประโยชน์ของการแสดงด้วยดิจิทัลสามารถทะลายข้อจำกัดเรื่องเวลาและพื้นที่ ทำให้ผู้ชมมีเวลามากพอที่จะทำความเข้าใจนัยยะทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันล้ำค่าที่แฝงอยู่ในภาพจิตรกรรม” หลิวกล่าวเสริมว่า “ใช้เวลาถึงสองปีในการสร้างศูนย์ศิลปะแห่งนี้ให้สมบูรณ์ รวมทั้งใช้เวลาหลายปีในการเตรียมงานนิทรรศการ เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์และแหล่งจิตรกรรมฝาผนังในถ้ำหลายแห่ง”
ท่ามกลางความพยายามในการส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพสูง จีนได้ให้คำมั่นว่าจะส่งเสริมการพัฒนาดิจิทัลในสถานที่ทางวัฒนธรรมระดับสาธารณะ เช่น ห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ การแปลงเป็นดิจิทัลกลายเป็นวิธีสำคัญในการสืบทอด ปกป้องและใช้ประโยชน์จากวัตถุทางวัฒนธรรมของชาติ
หลิวกล่าวเสริมว่า “เทคโนโลยีดิจิทัลที่ก้าวหน้าช่วยสำรวจ ค้นพบและปกป้องทรัพยากรทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าที่คนรุ่นก่อนทิ้งไว้ให้ และยังคงมีแนวคิดและรหัสทางศิลปะมากมายที่ซ่อนอยู่ในจิตรกรรมเฟรสโกที่วัดฝาไห่ ซึ่งรอคอยการค้นพบ”