บทสัมภาษณ์ที่ปรึกษากระทรวงวัฒนธรรม: ความร่วมมือระหว่างไทยและจีนในอุตสาหกรรมภาพยนตร์

สานสัมพันธ์จีนไทยครอบครัวเดียวกัน จากการที่จีนเชิญไทยให้เป็นประเทศ Country of Honour ในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติปักกิ่ง ครั้งที่ 13 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ไทยได้รับเชิญ แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสองประเทศดั่งเป็นครอบครัวเดียวกัน

ผู้แทนจากหน่วยงานราชการและเอกชนไทยเข้าร่วมงานพิธีเปิดเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติปักกิ่งครั้งที่ 13 ณ
ศูนย์การประชุมและนิทรรศการนานาชาติเยี่ยนชีหู เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2566 (พีเพิลส์เดลี่ออนไลน์/มณฑา)

เมื่อวันที่ 21 เมษายน ที่ผ่านมา วรรณสิริ โมรากุล ที่ปรึกษากระทรวงวัฒนธรรม อดีตอธิบดีกรมการท่องเที่ยว ผู้นำคณะราชการและเอกชนไทยเดินทางมาร่วมงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติปักกิ่งได้ให้สัมภาษณ์กับพีเพิลส์เดลี่ออนไลน์ว่า

“จีนจะมีการลงนามในบันทึกความร่วมมือกับไทยในด้านการจัดเทศกาลภาพยนตร์ โดยเนื้อหาการจัดงานทางจีนและไทยร่วมกันดำเนินการในด้านความร่วมมือไทยจีน ปัจจุบัน มีนักธุรกิจจีนไปประกอบธุรกิจในประเทศไทยโดยได้เปิดบริษัทเป็นผู้แทนจำหน่ายภาพยนตร์ นำภาพยนตร์ไทยมาฉายในจีนและมีการสร้างภาพยนตร์ในไทยด้วย” และกล่าวเพิ่มเติมว่า “หนังไทยจะสามารถเข้าฉายในจีนได้มากยิ่งขึ้น หากมีการร่วมมือสร้างหนังระหว่างฝ่ายไทยและจีนตั้งแต่แรกก็จะมีโอกาสเข้าฉายในจีนได้มากขึ้น นับเป็นโอกาสดีของผู้ประกอบการไทย”

วรรณสิริ โมรากุล ที่ปรึกษากระทรวงวัฒนธรรม อดีตอธิบดีกรมการท่องเที่ยวให้สัมภาษณ์กับ
พีเพิลส์เดลี่ออนไลน์ เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2566 (พีเพิลส์เดลี่ออนไลน์/มณฑา)

อีกทั้ง ฝ่ายจีนมีการไปถ่ายหนังในประเทศไทยหลายเรื่องเช่นกัน ซึ่งส่งผลต่อความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนเนื่องจากจีนได้ไปถ่ายทำหนังเรื่องแรก Lost in Thailand ทำให้เชียงใหม่โด่งดังมาก และมีหนังและโฆษณาอีกหลายเรื่องเข้ามาถ่ายในไทย

ซึ่งการที่มาคราวนี้ ในฐานะตัวแทนของรัฐมนตรีและปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ดิฉันอยากจะมาพบปะกับทางผู้จัดงานซึ่งทางกระทรวงการต่างประเทศจะเป็นผู้ประสานงานให้เพื่อจะแลกเปลี่ยนและสร้างความร่วมมือที่จะทำร่วมกันในอนาคตมากขึ้น เช่น การจัดเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติในไทย นับเป็นการส่งเสริมแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของทั้งสองฝ่ายด้วย

การแลกเปลี่ยนทางอุตสาหกรรมภาพยนตร์ช่วยกระตุ้นภาคเศรษฐกิจของไทยและจีน เป็นเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน จากข้อมูลสถิติของกรมการท่องเที่ยวของไทยระบุว่า ตั้งแต่ปี 2560 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2566 จีนได้มาถ่ายภาพยนตร์ สารคดี โฆษณา รายการทีวี ละครโทรทัศน์ มิวสิควีดีโอและอื่น ๆ ในประเทศไทยรวมกันทั้งสิ้น 254 เรื่อง สร้างรายได้มูลค่าราว 1,833 ล้านบาท

ไทยและจีนยังมีความร่วมมือแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมในเรื่องอื่น ๆ ด้วย เช่น ด้านศิลปวัฒนธรรม โดยมีการจัดแสดงวัตถุโบราณของจีนในไทยที่นำรูปปั้นจากสุสานทหารจิ๋นซีไปจัดแสดง และการจัดแสดงวัตถุโบราณของไทยในจีนที่พิพิธภัณฑ์ในเจียงซู ด้านการท่องเที่ยว เป็นต้น

ที่ปรึกษากระทรวงวัฒนธรรมกล่าวเพิ่มเติมว่า “ในด้านการท่องเที่ยว ทางกระทรวงวัฒนธรรมยังได้จัดโครงการ“เที่ยวชุมชน ยลวิถี”ชุมชนคุณธรรม นำหัตถกรรมหรือผลงานดีเด่นของชุมชนมาจัดประกวดและให้รางวัลปีละ 10 ชุมชนเป็นชุมชนตัวอย่าง นอกจากเรื่องสินค้าแล้วยังมีการสร้างโฮม

สเตย์ของชุมชนด้วย เพื่อสร้างชุมชนให้เข้มแข็งและสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง โดยจะมีการถ่ายทำรายการแนะนำชุมชนโดยยูทูปเบอร์เพื่อชักชวนให้นักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติมาเยี่ยมชม ซึ่งเป็นกิจกรรมร่วมมือกับกรมการท่องเที่ยว และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย”