ทัวร์ชิมไวน์ในอดีตพื้นที่ทะเลทรายของจีนดึงดูดนักท่องเที่ยว

(People's Daily Online)วันอังคาร 16 พฤษภาคม 2023

เบื้องหลังของดนตรีคลาสสิค สาวสองคนกำลังชิมไวน์แดงและถ่ายรูปเซลฟีที่หน้าต่างบานใหญ่มองออกไปเห็นวิวไร่องุ่นอันสุดลูกหูลูกตา   วิวนี้ไม่ได้ถ่ายในเมืองบอร์โด ประเทศฝรั่งเศส แต่อยู่ในเขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยหุย พื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีนซึ่งครั้งหนึ่งรู้จักกันดีว่าเป็นทะเลทรายอันกว้างใหญ่

จาง ชูกล่าวขณะถือแก้วไวน์ว่า “ที่นี่ค่อนข้างผ่อนคลายมาก” เธอบินมาจากมณฑลกวางตุ้ง ทางตอนใต้ของจีนด้วยระยะทางมากกว่า 2,000 กิโลเมตร มาเที่ยวที่หนิงเซี่ยกับเพื่อน โดยเฉพาะมาลองชิมไวน์ที่หลายคนกล่าวว่าเป็น “ไวน์ที่ดีที่สุดในประเทศ”

เธอกล่าวกับสำนักข่าวซินหัวว่า “คุณดื่มด่ำกับไวน์ที่นี่และชื่นชมทัศนียภาพในโรงกลั่นไวน์ ชมห้องใต้ดิน สายการผลิต และอื่น ๆ รวมทั้งหากคุณเป็นมือใหม่ พนักงานที่นี่จะสอนคุณดื่มไวน์”

หนิงเซี่ยเป็นดาวเด่นในแผนที่ไวน์ระดับโลก มีพื้นที่ไร่องุ่นกว่า 500,000 โหมว (2.4 โหมว เท่ากับ 1 ไร่) ซึ่งเป็นพื้นที่เกือบหนึ่งในสามของพื้นที่ปลูกทั้งประเทศ มีการผลิตไวน์ต่อปีประมาณ 138 ล้านขวด ด้วยมูลค่าผลผลิตรวม 34.3 พันล้านหยวน (ประมาณ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ)

พื้นที่ชานเขาเฮ่อหลัน (Helan Mountain) ซึ่งในอดีตเคยเป็นทะเลทรายเมื่อสามทศวรรษก่อน ปัจจุบันกลายเป็นพื้นที่สีเขียวและเป็นบ้านของโรงบ่มไวน์จำนวน 116 แห่ง อีกทั้งยังมีโรงบ่มอีก 112 แห่งที่กำลังก่อสร้าง


(ภาพ/CFP)

โรงบ่มไวน์ Xige สถานที่ที่จางและเพื่อนของเธอไปเที่ยวเป็นหนึ่งในโรงบ่มหลายแห่งที่ตั้งอยู่ชานเขาเฮ่อหลัน ทั้งสองได้ชิมไวน์หลายประเภท ทั้งไวน์ขาว ไวน์แดง ไวน์กุหลาบและสปาร์คกลิ้งไวน์

หม่า อิงหนาน ผู้รับผิดชอบด้านการท่องเที่ยวของ Xige กล่าวว่า “สภาพอากาศและสภาพดินที่เป็นเอกลักษณ์ของภูเขาเฮ่อหลันทำให้ไวน์มีรสชาติพิเศษ ช่วยให้พวกเขาได้รับรางวัลมากมายจากการแข่งขันไวน์ระดับนานาชาติ”

ในปี 2564 เขตนำร่องที่ครอบคลุมการพัฒนาแบบเปิดแห่งชาติทางด้านอุตสาหกรรมไวน์และองุ่น เป็นเขตแรกของประเทศที่ถูกตั้งขึ้นในหนิงเซี่ย เพื่อต้องการเปลี่ยนภูมิภาคให้เป็นเมืองบอร์โดแห่งจีน

รัฐบาลท้องถิ่นได้จัดกิจกรรมในการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว รวมทั้งมีเทศกาลมาราธอนและดนตรีธีมไวน์ด้วย นอกจากนี้ยังมีการจัดงานแสดงสินค้าวัฒนธรรมไวน์และเอ็กซ์โปการท่องเที่ยวนานาชาติของจีน (หนิงเซี่ย) ขึ้นที่นี่ด้วยเพื่อส่งเสริมความนิยมในระดับสากล

หม่ากล่าวว่าห้องในโรงแรมที่ Xige จะถูกจองเต็มในเดือนพฤษภาคมและตุลาคมซึ่งมีนักท่องเที่ยวมาจากทั่วจีนและทั่วโลก

“นักท่องเที่ยวจำนวนร้อยละ 5-10 มาจากต่างประเทศ” หม่ากล่าวและเสริมว่า “พวกเราเป็นมือใหม่ในอุตสาหกรรมไวน์ แต่หลายคนที่มาก็รู้สึกตกใจเมื่อได้ชิมรสชาติไวน์ที่ยอดเยี่ยมอย่างไม่คาดคิด”

การท่องเที่ยวไวน์ที่กำลังเติบโตได้เติมชีวิตใหม่ให้กับหมู่บ้านที่ครั้งหนึ่งเคยยากจน ซึ่งตัวอย่างที่สำคัญคือหมู่บ้านห่าวหยวน

เมื่อ 20 ปีก่อน หมู่บ้านแห้งแล้งเต็มไปด้วยบ่อทราย ด้วยการสนับสนุนจากรัฐบาลท้องถิ่น ชาวบ้านเริ่มปลูกองุ่นและค่อย ๆ เปลี่ยนพื้นที่แห่งนี้เป็นไร่องุ่นเขียวขจีและโรงบ่มไวน์ 19 แห่ง

เมื่อมีโรงบ่มไวน์มากขึ้น ก็ช่วยเพิ่มโอกาสในการทำงานและตำแหน่งงานมากขึ้น คนท้องถิ่นเริ่มมีรายได้จากการทำร้านอาหารและโฮมสเตย์

ตามข้อมูลจากอ้าย เสี่ยวเป่า เจ้าหน้าที่หมู่บ้านแจ้งว่า “ปัจจุบันหมู่บ้านห่าวหยวนต้อนรับนักท่องเที่ยวประมาณ 500,000 รายต่อปี ติดอันดับรายได้ทั้งหมดต่อปีมากกว่า 5 ล้านหยวน รายได้สุทธิส่วนบุคคลของคนในหมู่บ้านเพิ่มเป็น 19,800 หยวนในปี 2564 ซึ่งร้อยละ 60 มาจากการท่องเที่ยวในอุตสาหกรรมไวน์”

“รถไวน์บัส” จำนวน 40 คันรับส่งนักท่องเที่ยวรอบ ๆ บริเวณ ทำให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมทัศนียภาพภายนอกในขณะดื่มไวน์ รวมทั้งสามารถแวะลงจากรถเพื่อเยี่ยมชมไร่องุ่นและโรงบ่มไวน์

หยวน หยวน เจ้าของโรงบ่มไวน์หยวนชื่อในหมู่บ้านห่าวหยวนกล่าวว่า แม้กระทั่งมีสถานการณ์โรคระบาด แต่ก็มีลูกค้ามาเยี่ยมชมโรงบ่มไวน์ถึง 350,000 รายต่อปี   “ในช่วงสถานการณ์อันเลวร้าย เมื่อร้านค้าที่ขายไวน์หลายแห่งปิดตัวลง การท่องเที่ยวก็มีบทบาทสำคัญในการช่วยส่งเสริมการขาย นักท่องเที่ยวประมาณร้อยละ 70-80 มาเยี่ยมชมและซื้อไวน์ของพวกเรา” เธอกล่าว

โรงบ่มไวน์แห่งนี้สร้างที่ตั้งแคมป์สำหรับดูดาวและคาดว่าจะเปิดให้บริการโฮมสเตย์ในเร็ว ๆ นี้ “เรายังวางแผนที่จะให้บริการทัศนศึกษาซึ่งจะช่วยผู้เยี่ยมชมให้ได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับไวน์” หยวนกล่าว