โครงการสวนสาธารณะคู่แฝดสร้างความสัมพันธ์จีน-อินโดนีเซียให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
สือ เจีย ผู้จัดการทั่วไปของบริษัทแปรรูปอาหารในเขตการลงทุนฝูโจว หยวนหง เมืองฝูโจว มณฑลฝูเจี้ยน กล่าวว่า “ผมเริ่มทำธุรกิจในอินโดนีเซียตั้งแต่ปี พ.ศ. 2532 ชาวจีนโพ้นทะเลหลายคนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีถิ่นกำเนิดจากมณฑลฝูเจี้ยน สือ เจียก็เช่นเดียวกัน ครอบครัวของเขาได้ก่อตั้งรกรากในอินโดนีเซียมาหลายรุ่น”
อินโดนีเซียยังเป็นหุ้นส่วนการค้าที่ใหญ่ที่สุดในฝูเจี้ยนท่ามกลางประเทศสมาชิกอาเซียน ปีที่แล้วปริมาณการนำเข้าและส่งออกทางการค้าระหว่างฝูเจี้ยนและอินโดนีเซีย สูงถึง 1.215 แสนล้านหยวน ( ประมาณ 6 แสนล้านบาท) เพิ่มสูงขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 32.2 เมื่อเทียบปีต่อปี
ในปี พ.ศ. 2556 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้เสนอก่อตั้งความร่วมมือเส้นทางสายไหมทางทะเลในศตวรรษที่ 21 ระหว่างการเยือนอินโดนีเซีย
ในปี พ.ศ. 2565 ผู้นำของจีนและอินโดนีเซียเห็นด้วยในการส่งเสริมการสร้างความร่วมมือในแนวคิด 1 แถบ 1 เส้นทาง รวมทั้งโครงการเรือธง “สองประเทศ สวนสาธารณะแฝด” ซึ่งมุ่งสร้างแพลทฟอร์มความร่วมมือที่มีศูนย์กลางที่ห่วงโซ่อุตสาหกรรมอาหารและห่วงโซ่อุปทานระหว่างประเทศ
สองพันธมิตรเห็นพ้องต้องกัน
เมื่อพูดถึงหุ้นส่วนจากอินโดนีเซีย ซาลิมกรุ๊ป ซึ่งเป็นผลจากโครงการ “สองประเทศ สวนสาธารณะแฝด” สือกล่าวว่า “อินโดนีเซียมีแหล่งทรัพยากรทางการประมงจำนวนมากและมีต้นทุนต่ำ อย่างไรก็ตาม ยังขาดแคลนความสามารถในการสนับสนุนขั้นพื้นฐาน เช่น การขนส่งแบบแช่เย็น เทคโนโลยีการประมงขั้นสูง ในขณะที่จีนมีความก้าวหน้าที่รวดเร็วในเทคโนโลยีการประมงทะเลน้ำลึกและมีตลาดผู้บริโภคที่กว้างใหญ่”
บริษัท Saneheld (Fuqing) Food สร้างฐานการประมง 10 แห่งในอินโดนีเซีย ฐานแห่งแรกมีความสามารถในการผลิตอยู่ที่ 500,000 เมตริกตันต่อปี ได้เริ่มดำเนินการในตูบัน (Tuban) เมืองทางตอนเหนือของเกาะชวา เมื่อเดือนมีนาคม 2565
สือกล่าวว่า “ในอนาคต ด้วยการมีแพลทฟอร์ม “สองประเทศ สวนสาธารณะแฝด” ปริมาณการประมงและซูริมิจำนวนเกือบ 5 ล้านตันต่อปีจะถูกนำส่งเขตการลงทุนฝูโจว หยวนหงเพื่อเข้ากระบวนการแปรรูปที่ก้าวหน้าต่อไป”
โจนา วิดาโด บุตรี (Jona Widhagdo Putri) ที่ปรึกษาพิเศษของรัฐมนตรีร่วมกระทรวงกิจการทางทะเลและการลงทุนของอินโดนีเซีย และรองเลขาธิการกลไกความร่วมมือการเจรจาระดับสูงจีน-อินโดนีเซียกล่าวให้สัมภาษณ์กับฝูโจว เดลี่ว่า “อินโดนีเซียควรจะสร้างสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับเขตการลงทุนฝูโจว หยวนหง”
ความสำเร็จในช่วงต้น
หวาง อี้เหว่ย ศาสตราจารย์จากคณะความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยประชาชนจีน กล่าวว่า “ปีนี้ถือเป็นปีครบรอบ 10 ปี แห่งการก่อตั้งหุ้นส่วนกลยุทธ์รอบด้านระหว่างจีนและอินโดนีเซีย รวมทั้งครบรอบ 10 ปี ของแนวคิด 1 แถบ 1 เส้นทาง ความร่วมมือกับอินโดนีเซียเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเนื่องจากประเทศอินโดนีเซียมีประชากรมุสลิมมากที่สุดในโลก และเป็นที่ตั้งของสำนักงานเลขาธิการอาเซียน ซึ่งประชากรในกลุ่มประเทศอาเซียนจำนวนมากกว่า 600 ล้านคน อาศัยอยู่ในอินโดนีเซีย”
ในฐานะเขตสาธิตแห่งแรกสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจและการค้าเชิงนวัตกรรมระหว่างจีนและประเทศในอาเซียน เขตการลงทุนฝูโจว หยวนหงมีผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการผลิต 190 ราย ในจำนวนนี้มีผู้ประกอบการอุตสาหกรรม 99 รายที่มีรายได้จากธุรกิจหลักต่อปีมากกว่า 20 ล้านหยวน (ราว 100 ล้านบาท)
