นักวิทยาศาสตร์ชาวจีนและชาวแอฟริกาเรียกร้องให้สร้างระบบอาหารที่ทนทานต่อสภาพอากาศ
![]() |
เยี่ยน จวง (ซ้าย) ผู้อำนวยการโครงการความร่วมมือระหว่างประเทศของสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีนกล่าวสุนทรพจน์ในงานสัมมนาด้านสภาพอากาศ ระบบนิเวศและการอยู่อาศัยครั้งที่ 3 ในกรุงไนโรบี ประเทศเคนยา เมื่อวันจันทร์ที่ 26 มิถุนายน 2566 (ซินหัว/หลี่ ย่าฮุย) |
นักวิทยาศาสตร์ชาวจีนและชาวแอฟริการ่วมกันเรียกร้องให้ยกระดับระบบการทำฟาร์มที่สอดคล้องกับธรรมชาติและทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ เพื่อเอาชนะความหิวโหยและภาวะทุพโภชนาการ
ในที่ประชุมในกรุงไนโรบี เมืองหลวงของเคนยา นักวิทยาศาสตร์ยอมรับวิกฤตการณ์ความหิวโหยที่กำลังเพิ่มขึ้นในแอฟริกา และได้เน้นย้ำถึงวิธีแก้ปัญหาที่ยั่งยืน ซึ่งขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนผ่านไปสู่วิธีการผลิตอาหารที่ชาญฉลาดต่อสภาพอากาศ
เยี่ยน จวง ผู้อำนวยการโครงการความร่วมมือระหว่างประเทศของสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน (Chinese Academy of Sciences) กล่าวถึงการต่อสู้ในวิกฤตสภาพอากาศและภัยอื่น ๆ ต่อระบบนิเวศวิทยาในแอฟริกา จะทำให้ทวีปก้าวสู่ความมั่นคงทางอาหารในระยะยาว พร้อมเสริมว่า ความร่วมมือใต้-ใต้ หรือความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนา เป็นเรื่องจำเป็น เพื่อส่งเสริมการรับมือกับสภาพอากาศในแอฟริกา และเร่งให้บรรลุเป้าหมายที่ 2 ของการพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยองค์การสหประชาชาติ (UN 2030 Sustainable Development Goal 2) ในเรื่องขจัดความหิวโหยในทวีปแอฟริกาภายในปี ค.ศ. 2030
นักวิทยาศาสตร์ชาวจีนและชาวแอฟริกาประมาณ 100 คน กำลังร่วมหารือในงานสัมมนาครั้งที่ 3 ที่เกี่ยวกับเรื่องสภาพอากาศ ระบบนิเวศและการดำรงชีวิต เพื่อเจรจาหาหนทางด้านนวัตกรรมที่จะส่งเสริมความมั่นคงทางอาหารและโภชนาการในแอฟริกา
การประชุม 2 วันนี้จัดขึ้นโดยโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ-โครงการจัดการระบบนิเวศระหว่างประเทศ (UNEP-IEMP) ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่าง UNEP และสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน โดยจะมีการหารือเกี่ยวกับความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นรากฐานสำหรับความสามารถของแอฟริกาในการเตรียมอาหารเพื่อพลเมืองของตนในอนาคต
แอกกี้ คอนเด (Aggie Konde) รองประธานของโครงการนวัตกรรมและการส่งมอบ (Program Innovation & Deliver) ภายใต้สมาพันธ์เพื่อการปฏิรูปสีเขียวประจำกรุงไนโรบี (Nairobi-based Alliance for Green Revolution in Africa หรือ AGRA) กล่าวว่า มีความเร่งด่วนในการสร้างระบบเกษตรกรรมที่ทนทานต่อสภาพอากาศในทวีปแอฟริกา การฟื้นฟูดินและเพิ่มผลผลิตการเก็บเกี่ยวในระดับเกษตรกรรายย่อย คอนเด้ให้ข้อสังเกตว่า ร้อยละ 20 ของประชากรแอฟริกา หรือ 282 ล้านคน เผชิญกับความไม่มั่นคงทางอาหารและภาวะโภชนาการ รวมทั้ง ย้ำว่าการเพิ่มเงินทุนด้านการปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศและการฟื้นฟูแหล่งที่อยู่อาศัยจะเป็นกุญแจสำคัญในการผลิตอาหารที่ยั่งยืน
ซูซาน การ์ดเนอร์ (Susan Gardner) ผู้อำนวยการแผนกระบบนิเวศของ UNEP กล่าวว่า การแก้ปัญหาหลักสามเรื่องเป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการก่อนอย่างเร่งด่วน ได้แก่ วิกฤตสภาพอากาศ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและมลพิษ เพื่อเสริมสร้างความยั่งยืนของระบบอาหารในทวีปแอฟริกา
ข้อมูลจากการ์ดเนอร์ระบุว่า การใช้วิธีเกษตรกรรมที่เป็นมิตรกับธรรมชาติมากขึ้นจะไม่เพียงรับประกันความมั่นคงทางอาหารในแอฟริกา แต่ยังเร่งการเปลี่ยนแปลงของทวีปไปสู่อนาคตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและปรับตัวได้มากขึ้น
เคลเมนส์ เบรซิงเกอร์ (Clemens Breisinger) หัวหน้าโครงการในประเทศเคนยาและนักวิจัยอาวุโสของสถาบันวิจัยนโยบายอาหารระหว่างประเทศในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. (IFPRI) กล่าวว่า การจัดตั้งระบบอาหาร-การเกษตรที่ปรับตัวได้เร็วในทวีปแอฟริกาเมื่อเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ การหยุดชะงักจากวิกฤตโรคระบาด และความขัดแย้ง ควรนำประเด็นเหล่านี้มาพิจารณาในการปฏิรูปนโยบาย ปรับปรุงธรรมาภิบาล และเสริมสร้างศักยภาพของเกษตรกรรายย่อย
![]() |
ซูซาน การ์ดเนอร์ (Susan Gardner) ผู้อำนวยการแผนกระบบนิเวศของ UNEP กล่าวในงานสัมมนาด้านสภาพอากาศ ระบบนิเวศและการอยู่อาศัยครั้งที่ 3 ในกรุงไนโรบี ประเทศเคนยา เมื่อวันจันทร์ที่ 26 มิถุนายน 2566 (ซินหัว/หลี่ ย่าฮุย) |
![]() |
ภาพงานสัมมนาด้านสภาพอากาศ ระบบนิเวศและการอยู่อาศัย ครั้งที่ 3 ในกรุงไนโรบี ประเทศเคนยา เมื่อวันจันทร์ที่ 26 มิถุนายน 2566 (ซินหัว/หลี่ ย่าฮุย) |