สี จิ้นผิง เน้นย้ำให้พรรคฯ ปฏิวัติลึกซึ้งยิ่งขึ้นและเอาชนะการปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นอย่างเด็ดเดี่ยว
ภาพจากซินหัว
วันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา นายสี จิ้นผิง เลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ประธานาธิบดีจีน และประธานคณะกรรมาธิการทหารแห่งชาติจีนได้กล่าวสุนทรพจน์สำคัญในการประชุมเต็มคณะครั้งที่ 3 ของการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบวินัยกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20
เขาเน้นย้ำว่าหลังจากสิบปีแห่งการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่นที่ทรงพลังอย่างไม่หยุดยั้ง การปราบปรามทุจริตคอร์รัปชันได้รับชัยชนะอย่างล้นหลามและได้รับการเสริมสร้างอย่างรอบด้าน แต่สถานการณ์ยังคงหนักหน่วงและซับซ้อน เราจะต้องตระหนักต่อสถานการณ์ใหม่และแนวโน้มใหม่เกี่ยวกับการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างชัดเจน ตลอดจนเงื่อนไขที่ทำให้เกิดปัญหาการคอร์รัปชั่น จะต้องยึดมั่นเรื่องนี้อยู่เสมอ ใช้ความพยายามที่แม่นยำและต่อเนื่อง เพื่อเอาชนะการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่
นายสี จิ้นผิง เน้นย้ำว่าในฐานะที่เป็นพรรครัฐบาลลัทธิมาร์กซิสต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก พรรคคอมมิวนิสต์จีนจะหลุดพ้นจากวงจรประวัติศาสตร์แห่งความโกลาหลที่รุ่งเรืองและล่มสลายได้และจะประกันให้พรรคไม่เสื่อมโทรมได้อย่างไรนั้น เป็นปัญหาเชิงยุทธ์ศาสตร์ต่อหน้าสหายทั้งหลายในพรรค นับตั้งแต่การประชุมพรรคแห่งชาติครั้งที่ 18 เป็นต้นมา ในการปฏิบัติเพื่อปกครองพรรคอย่างเข้มงวด เราได้ดำเนินการปฏิบัติและการคิดค้นทางทฤษฎีอย่างไม่ขาดสาย บนพื้นฐานคำตอบแรกที่ได้รับจากสหายเหมา เจ๋อตงคือ “ให้ประชาชนกำกับดูแลรัฐบาล” เราก็ได้ให้คำตอบที่สองคือ ผลักดันการปฏิวัติตนเองของพรรคอย่างไม่หยุดยั้ง
นายสี จิ้นผิง ชี้ให้เห็นว่าจะต้องยึดมั่นในประเด็นสำคัญ 9 ประการในการผลักดันการปฏิวัติตนเองของพรรคเชิงลึก คือ การยึดมั่นในคณะกรรมการกลางพรรคเป็นผู้นำแบบรวมศูนย์และเป็นหนึ่งเดียวให้เป็นหลักประกันขั้นพื้นฐาน ยึดมั่นการนำการปฏิวัติสังคมครั้งยิ่งใหญ่มาเป็นจุดประสงค์พื้นฐาน การยึดเอาแนวคิดสังคมนิยมที่มีเอกลักษณ์ของจีนให้เป็นหลักปฏิบัติการพื้นฐาน การตั้งเป้าเชิงยุทธศาสตร์ที่หลุดพ้นจากวงจรประวัติศาสตร์ การถือเอาการแก้ไขปัญหาเฉพาะของพรรคใหญ่เป็นแนวทางหลัก ถือเอาการปรับปรุงระบบการปกครองพรรคอย่างเข้มงวดอย่างรอบด้านเป็นช่องทางที่มีประสิทธิภาพ ยึดเอาการสร้างองค์กรที่เข้มแข็งและทีมงานที่ยอดเยี่ยมเป็นงานหลัก ถือเอาการเสริมสร้างระบบวินัยและการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นจุดเริ่มต้น และการผสมผสานระหว่างการกำกับดูแลตนเองและการรับการกำกับดูแลจากประชาชนเป็นพลังขับเคลื่อนอันทรงพลัง