บทวิเคราะห์: งาน CIFIT นับวันสะท้อนการขยายการเปิดประเทศของจีนอย่างต่อเนื่องมากยิ่งขึ้น
ระหว่างวันที่ 8-11 กันยายนที่ผ่านมา งานเจรจาการค้าการลงทุนนานาชาติแห่งประเทศจีน (China International Fair for Investment and Trade) หรืองาน CIFIT ครั้งที่ 24 จัดขึ้นที่เมืองเซี่ยเหมิน มณฑลฝูเจี้ยน ประเทศจีน ดึงนักธุรกิจจาก 119 ประเทศและภูมิภาคเข้าร่วมงาน ในฐานะ “บารอมิเตอร์” (Barometer) และ “ศรลม” (wind vane) ของการลงทุนในต่างประเทศของจีนและการนำเข้าเงินทุนจากต่างประเทศ ก่อนหน้านี้งาน CIFIT ซึ่งเริ่มจัดขึ้นขึ้นในปี ค.ศ. 1997 จัดขึ้นด้วยความสำเร็จมาแล้ว 23 ครั้ง งานนี้ทำให้มีการลงนามสัญญามากกว่า 30,000 โครงการ โครงการลงทุนจากต่างประเทศเชิงสัญลักษณ์จำนวนหนึ่งได้เข้ามาปักหลักอยู่ในประเทศจีนแล้ว บริษัทต่างชาติส่วนใหญ่ได้ประกอบธุรกิจอย่างลึกซึ้งในจีน ในขณะที่บริษัทจีนจำนวนมากก็ได้เข้าสู่โลกภายนอกผ่านงาน CIFIT เช่นกัน งาน CIFIT มุ่งมั่นที่จะสร้างแพลตฟอร์มสาธารณะระดับนานาชาติเพื่อส่งเสริมการลงทุนแบบสองทาง ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่านับวันยิ่งกลายเป็นภาพสะท้อนที่มีชีวิตชีวาของการขยายการเปิดประเทศของจีนอย่างต่อเนื่องมากยิ่งขึ้น
หัวข้อของการจัดงาน CIFIT ประจำปีนี้คือ “การลงทุนเชื่อมโยงโลก” พื้นที่จัดแสดงรวม 120,000 ตารางเมตร มุ่งมั่นที่จะสร้าง 3 แพลตฟอร์มหลักอันได้แก่ แพลตฟอร์มการส่งเสริมการลงทุนแบบสองทาง การเผยแพร่ข้อมูลที่เชื่อถือได้ และการอภิปรายเกี่ยวกับแนวโน้มการลงทุน
เป็นที่น่าสังเกตว่าในส่วนของการแสดงนวัตกรรมอุตสาหกรรมนั้น งาน CIFIT ครั้งนี้ได้มีการจัดหอนิทรรศการการพัฒนานวัตกรรมอุตสาหกรรมขนาด 47,000 ตารางเมตรเป็นพิเศษ โดยมุ่งเน้นไปที่ความร่วมมือของกลุ่มประเทศบริกส์ นวัตกรรมห่วงโซ่อุปทาน กำลังการผลิตคุณภาพใหม่ สีเขียวและคาร์บอนต่ำ และสาขาอื่น ๆ แสดงให้ถึงผลความร่วมมือด้านการลงทุนระดับภูมิภาค เทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ใหม่จากการพัฒนานวัตกรรมอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมเกิดใหม่เชิงยุทธศาสตร์ และแนวโน้มการพัฒนาอุตสาหกรรมในอนาคตผ่านพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการสาขาพิเศษ 5 แห่ง ได้แก่ การปฏิวัติอุตสาหกรรมใหม่ของประเทศสมาชิกกลุ่มบริกส์ เศรษฐกิจดิจิทัล นวัตกรรมห่วงโซ่อุปทานแห่งชาติจีน พลังงานใหม่และนวัตกรรมสีเขียว ตลอดจนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้านงานตำรวจ ความมั่นคงและกฎหมาย
ระหว่างการจัดงานครั้งนี้ ได้มีการเผยแพร่รายงานที่เชื่อถือได้หลายฉบับอย่างเป็นทางการ เช่น “รายงานการลงทุนโลก (เวอร์ชันภาษาจีน) ประจำปี 2024” และ “รายงานการลงทุนแบบสองทางของจีนประจำปี 2024” ฯลฯ เพื่อแนะนำโอกาสความร่วมมือด้านการลงทุนที่เกิดขึ้นจากการสร้างความทันสมัยแบบจีนและตลาดขนาดใหญ่ของจีน และเพิ่มความพยายามในการดึงดูดและใช้ประโยชน์จากการลงทุนจากต่างประเทศ ขณะเดียวกันยังได้เผยแพร่ผลการวิจัยมากมายในหัวข้อที่เป็นประเด็นร้อนต่างๆ เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์บริการสาธารณะระดับมืออาชีพสำหรับความร่วมมือด้านการลงทุนระหว่างประเทศ
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จีนเพิ่มความพยายามอย่างต่อเนื่องในการดึงการลงทุนจากต่างประเทศพร้อมกับการส่งเสริมให้บริษัทต่างๆของจีน “ก้าวไปสู่สากล” ที่ประชุมเต็มคณะของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 20 ครั้งที่ 3 ซึ่งจัดขึ้นในเดือนกรกฎาคมปีนี้ ได้วางแผนยุทธศาสตร์สำคัญเกี่ยวกับการปฏิรูปอย่างลึกในทุกด้านอีกระดับและส่งเสริมความทันสมัยแบบจีน และเน้นย้ำว่าจีนจะส่งเสริมการเปิดประเทศในระดับสูงยิ่งขึ้น ซึ่งย่อมจะสร้างตลาดที่กว้างยิ่งขึ้นและสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ดียิ่งขึ้นให้กับบริษัทต่างประเทศที่ลงทุนในจีนอย่างแน่นอน
“คำพูดต้องน่าเชื่อถือ การปฏิบัติต้องเด็ดขาด” เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมปีนี้ คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนและคณะรัฐมนตรีจีนได้ออก “ความคิดเห็นว่าด้วยการปรับปรุงระบบการเข้าตลาดให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น” (ต่อไปจะเรียกว่า “ความคิดเห็น”) นี่นับเป็นครั้งแรกที่ส่วนกลางของจีนออกเอกสารนโยบายโดยเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับการปรับปรุงระบบการเข้าตลาด “ความคิดเห็น” ฉบับนี้ไม่เพียงสะท้อนให้เห็นหลักการว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ประกอบการทั้งหมดอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกันเท่านั้น แต่ยังสร้างความเชื่อมั่นที่ชัดเจนและมั่นคงมากยิ่งขึ้นแก่บรรดานักลงทุนต่างชาติอีกด้วย ซึ่งจะช่วยให้จีนเร่งสร้างระบบเศรษฐกิจแบบเปิดกว้างใหม่ ดึงการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามายังประเทศจีนมากยิ่งขึ้นและร่วมแบ่งปันโอกาสจากการพัฒนาของจีน
วันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา จีนได้ออก “มาตรการกำกับดูแลพิเศษสำหรับการเข้าตลาดของการลงทุนจากต่างประเทศ (บัญชีรายการต้องห้าม) (ฉบับปี 2024) ” ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 2024 ส่งผลให้รายการต้องห้ามการลงทุนจากต่างประเทศของจีนจะลดจาก 31 รายการเหลือเพียง 29 รายการ โดยรายการต้องห้ามการลงทุนจากต่างประเทศในภาคอุตสาหกรรมการผลิตได้บรรลุ “เป็นศูนย์” แล้ว
เมื่อเร็วๆ นี้ หน่วยงานของรัฐบาลจีนยังได้ออกประกาศโดยระบุอย่างชัดเจนว่าจะขยายการนำร่องเปิดกว้างด้านการแพทย์ ซึ่งรวมถึงการอนุญาตให้มีการเปิดโรงพยาบาลที่ลงทุนโดยต่างชาติฝ่ายเดียวในหลายท้องที่ด้วย ซึ่งได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางจากทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ