มหกรรมห่วงโซ่อุตสาหกรรมในปักกิ่งส่งเสริมการมีส่วนร่วมที่กว้างขึ้น
ยานพาหนะคันที่ 3 ล้านจากการผลิตโดยโรงงานเซี่ยงไฮ้ กิกะแฟคทอรีของเทสลาในนครเซี่ยงไฮ้ ทางตะวันออกของจีน
เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2567 (ซินหัว)
มหกรรมห่วงโซ่อุปทานนานาชาติจีน (China International Supply Chain Expo หรือ CISCE) ครั้งที่ 2 จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 26-30 พฤศจิกายนที่กรุงปักกิ่ง
นิทรรศการระดับประเทศครั้งแรกของโลกที่มุ่งเน้นด้านห่วงโซ่อุปทานนี้จะรวบรวมผู้นำในอุตสาหกรรมและผู้เชี่ยวชาญจากทั่วทุกมุมโลก พร้อมทั้งส่งเสริมความร่วมมือระดับโลกในอุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทาน ต่อไปนี้คือภาพรวมของสิ่งที่คาดหวังจากงานในปีนี้
การมีส่วนร่วมที่กว้างขึ้น
สภาส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศแห่งประเทศจีน (CCPIT) จัดมหกรรมดังกล่าวภายใต้หัวข้อ “เชื่อมโยงโลกเพื่ออนาคตร่วมกัน” โดยจะมีบริษัทเข้าร่วมมากกว่า 600 แห่ง ซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 20 จากงานครั้งแรกในปี 2566 ตามที่ CCPIT ระบุ
ผู้แสดงสินค้าจากต่างประเทศจะมีสัดส่วนร้อยละ 32 ของทั้งหมด เมื่อเปรียบเทียบกับในปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 26 บริษัทจากสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีสัดส่วนการเข้าร่วมงานจากต่างประเทศสูงที่สุด ขณะที่จำนวนธุรกิจจากยุโรปและญี่ปุ่นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปีนี้ บริษัทจากประเทศที่เข้าร่วมข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางจะมีสัดส่วนร้อยละ 40 ของผู้แสดงสินค้าจากต่างประเทศในงานปีนี้
ที่น่าสังเกตคือ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือกับประเทศที่พัฒนาน้อยกว่า จีนได้เชิญบริษัทในแอฟริกาจำนวนมากเข้าร่วมงานและจัดบูธฟรีให้ เพื่อสนับสนุนให้บริษัทเหล่านี้สามารถจัดแสดงผลิตภัณฑ์ของตนได้
พิธีเปิดงานในวันอังคารคาดว่าจะมีตัวแทนจากทั่วโลกเข้าร่วมมากกว่า 1,000 ราย รวมถึงนักการเมืองและนักธุรกิจชั้นนำ คาดว่างาน 5 วันนี้จะดึงดูดผู้เข้าร่วมระดับมืออาชีพประมาณ 200,000 ราย
การจัดแสดงที่เหนือกว่า
ผู้นำอุตสาหกรรมระดับโลกจะนำเสนอเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและโซลูชันเชิงนวัตกรรมในห่วงโซ่อุปทานในงานนี้
คาดว่าบริษัท Maersk และบริษัท Sumitomo Electric จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ขณะที่บริษัท Siemens จะนำเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติทางอุตสาหกรรมชั้นนำของโลกมาจัดแสดงในงาน นอกจากนี้ บริษัท China Resources และบริษัท Honeywell จะนำเสนอเทคโนโลยีในด้านการปกป้องสิ่งแวดล้อมและการลดคาร์บอน ในขณะที่ Rio Tinto, Bosch, Baowu Steel และ XPENG จะร่วมกันจัดแสดงสินค้าในโซนยานยนต์อัจฉริยะของงาน
มหกรรมในปีนี้จะมีการเปิดตัวพื้นที่จัดนิทรรศการใหม่เพิ่มเติมจากปีที่แล้ว โดยเป็นพื้นที่จัดแสดงการผลิตขั้นสูง โดยเน้นพลังงานสะอาด ยานยนต์อัจฉริยะ เทคโนโลยีดิจิทัล การใช้ชีวิตที่มีสุขภาพดี เกษตรกรรมสีเขียว และพื้นที่บริการห่วงโซ่อุปทาน
จะมีการจัดแสดงห่วงโซ่อุตสาหกรรมการผลิตขั้นสูงระดับโลกแบบครบวงจรในพื้นที่ใหม่ โดยมุ่งเน้นที่สี่หมวดหมู่ ได้แก่ การวิจัยและพัฒนา การออกแบบ การประยุกต์ใช้วัสดุใหม่ ส่วนประกอบสำคัญ การประมวลผล และการผลิตอัจฉริยะพร้อมอุปกรณ์ระดับไฮเอนด์
ในงานประจำปีนี้ ประเทศฮังการีได้รับเชิญเป็นแขกผู้มีเกียรติ ศาลาฮังการีจะนำเสนออุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศ ทรัพยากรที่เป็นเอกลักษณ์ มรดกทางวัฒนธรรม ทัศนียภาพที่งดงาม และแบรนด์ระดับชาติ
ความร่วมมือที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
คาดว่ามหกรรมครั้งนี้จะเสริมสร้างฉันทามติในระดับโลกเกี่ยวกับความร่วมมือทางอุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ ทั่วโลกสามารถบูรณาการเข้ากับห่วงโซ่อุปทานระดับโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เดวิด สวี ประธานบริษัท Bosch ประเทศจีน กล่าวว่า “เมื่อพิจารณาถึงการอยู่ร่วมกันของโอกาสและความท้าทายในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมและการขยายตัวในระดับนานาชาติ CISCE จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง”
ตามที่ หลี่ เจิ้ง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ของ WOLQE บริษัทเยอรมันที่มุ่งเน้นการบ่มเพาะธุรกิจสตาร์ทอัพในภาคพลังงานใหม่ กล่าว CISCE ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมที่สำคัญในการส่งเสริมการสื่อสารและการทำงานร่วมกันตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน
ในระหว่างการจัดงานนิทรรศการ จะมีการจัดกิจกรรมตามหัวข้อต่าง ๆ จำนวน 7 รายการ โดยมีแขกจากทั้งในและต่างประเทศเข้าร่วมพูดคุยกันอย่างลึกซึ้ง นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมมากกว่า 300 รายการ ตั้งแต่การประชุมพร้อมอาหารเช้าไปจนถึงการเจรจาธุรกิจตลอดงาน
จะมีการเปิดตัว “แผนริเริ่มปักกิ่ง” ซึ่งมุ่งเน้นการส่งเสริมความมั่นคงและความราบรื่นของห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก และจะมีการเผยแพร่รายงานสำคัญที่นำเสนอการวิเคราะห์แนวโน้มใหม่ในห่วงโซ่อุปทาน พร้อมทั้งการวาดแผนที่โลกสำหรับอุตสาหกรรมหลัก 11 อุตสาหกรรม รวมถึงหุ่นยนต์ฮิวมานอยด์ รถยนต์อัจฉริยะ และวงจรรวม
นอกจากนี้ จะมีการเปิดตัวดัชนีใหม่ 2 รายการในฐานะที่เป็นดัชนีประเภทแรกในโลก เพื่อให้รัฐบาลและธุรกิจต่าง ๆ ได้รับข้อมูลเชิงลึกที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มและความเสี่ยงในการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก