ผู้สืบทอดการฝึกไทเก็กสานต่อความสำเร็จผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
หลี่ หลิงฮุ่ย ผู้สืบทอดการฝึกไทเก๊ก (หรือในภาษาจีนเรียกว่าไท่จี๋ฉวน) แบบเฉิน รุ่นที่ 13 เธอเกิดในหมู่บ้านเฉินเจียโกว มณฑลเหอหนาน ทางตอนกลางของจีน ซึ่งรู้จักกันในนาม “บ้านเกิดของไทเก๊ก” หลี่กล่าวว่าแม้แต่เด็ก ๆ ในหมู่บ้านก็เป็นผู้ฝึกไทเก๊กที่ชำนาญ
หลี่เติบโตมาในครอบครัวที่ฝึกไทเก๊ก เธอจึงฝึกท่าเหล่านี้มาตั้งแต่เด็ก อย่างไรก็ตาม เมื่อยังเป็นเด็กหญิง เธอไม่เข้าใจว่าทำไมศิลปะการต่อสู้ที่ช้าและนุ่มนวลนี้จึงดูไม่ค่อยมีพลัง
จนกระทั่งวันหนึ่ง แม่ของเธอ เฉิน ชุนอ้าย ปรมาจารย์ไทเก๊กชั้นนำ ท้าให้เธอฝึกท่าต่างๆ หลี่ซึ่งมีความมั่นใจและเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี กลับต้องประหลาดใจเมื่อเทคนิคอันเชี่ยวชาญของแม่ทำให้เธอเสียหลักได้อย่างง่ายดาย
“ใครบอกว่าไทเก๊กไม่สามารถต่อสู้ได้ การที่แม่สอนให้ฉันรู้จักไทเก๊กต่างหากที่ทำให้ฉันซาบซึ้งใจอย่างแท้จริง” หลี่กล่าว เมื่อเธอโตขึ้น หลี่ก็เริ่มเข้าใจภูมิปัญญาของไทเก๊ก ซึ่งเป็นศิลปะแห่งการถ่ายทอดพลังงาน ความสมดุลระหว่างความอ่อนโยนและพลัง และความแข็งแกร่งที่แฝงอยู่ภายในความสงบ
ในปี ค.ศ. 2020 องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้ขึ้นทะเบียนไทเก๊กของจีนไว้ในรายชื่อตัวแทนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ สองปีต่อมา หลี่ลาออกจากงานอาจารย์มหาวิทยาลัยเพื่อสร้างบัญชีโซเชียลมีเดียที่อุทิศให้กับการส่งเสริมวัฒนธรรมไทเก๊ก
ปัจจุบัน ไทเก๊กไม่ได้เป็นเพียงการต่อสู้เท่านั้น แต่ยังเป็นการฝึกให้ผู้คนพัฒนาตนเองมากขึ้นด้วย หลี่นำอุปกรณ์ถ่ายภาพของเธอไปยังสถานที่ธรรมชาติอันสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นภูเขา แม่น้ำ ทะเลสาบ และทะเล เพื่อฝึกไทเก๊ก
เมื่อเลนส์จับภาพเธอไว้ ดูเหมือนว่าร่างกายและจิตวิญญาณของเธอจะกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อม ผสานทิวทัศน์อันเงียบสงบเข้ากับการเคลื่อนไหวที่สง่างาม นอกจากนี้ หลี่ยังผสมผสานไทเก๊กเข้ากับการเต้นรำอย่างคาดไม่ถึง เช่น สตรีทแดนซ์และแร็ป ทำให้ผู้ใช้ออนไลน์ตะลึงกับความมีเสน่ห์ที่เพิ่งค้นพบใหม่ของการฝึกแบบโบราณนี้
“ในสังคมที่เร่งรีบในปัจจุบัน ความต้องการในการผ่อนคลายและบำบัดตนเองมีมากขึ้น” หลี่กล่าว เธอเชื่อว่าการใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มออนไลน์และการทำความเข้าใจอารมณ์ของสาธารณะ จะช่วยให้เธอสามารถใช้ภูมิปัญญาของวัฒนธรรมไทเก๊ก เพื่อช่วยคลายความสับสนและสร้างความเชื่อมโยงที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นระหว่างมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้กับชีวิตประจำวัน
ปัจจุบัน หลี่มีผู้ติดตามมากกว่า 600,000 รายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ โดย 10 เปอร์เซ็นต์ของผู้ติดตามทั้งหมดเกิดในช่วงหลังปี ค.ศ. 2000 ในขณะที่เธอออกไปบันทึกภาพ เธอพบเห็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เลียนแบบท่าไทเก๊กของเธออย่างตื่นเต้นอยู่บ่อยครั้ง ในอนาคต หลี่หวังว่าเธอจะสามารถช่วยให้ปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ผู้สูงอายุจำนวนมากขึ้นถ่ายทอดมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ผ่านอินเทอร์เน็ตได้
