นายกฯ ไทยเยือนจีนกระชับความร่วมมือและฟื้นความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยว
แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ร่วมงานแถลงข่าวในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567 ภาพจากแฟ้ม (ซินหัว)
แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการเมื่อวันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ เนื่องในปี 2568 เป็นวาระครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและไทย คาดว่าการเยือนจีนครั้งนี้จะช่วยยกระดับความสัมพันธ์ในระดับทวิภาคี รวมทั้งขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันอย่างมากขึ้นและเป็นการฟื้นความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวจีนที่จะเดินทางไปเที่ยวไทย
ความร่วมมือระดับทวิภาคีที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
นับเป็นการเยือนปักกิ่งอย่างเป็นทางการครั้งแรกของนายกรัฐมนตรีแพทองธารนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว แพทองธารกล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันอังคารว่า การเยือนจีนครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างไทยและจีน เฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต และกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
วิชัย กินจง ชอย ประธานอาวุโสธนาคารกสิกรไทยกล่าวว่า จุดสนใจหลักของการเยือนจีนของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้อยู่ที่การกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการลงทุนระหว่างไทยและจีน
จีนเป็นหนึ่งในแหล่งการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดของไทยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตามข้อมูลที่เผยแพร่โดยกรมศุลกากรของจีนในเดือนมกราคม ในปี 2567 การค้าทวิภาคีระหว่างทั้งสองประเทศมีมูลค่าถึง 133.98 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.1 เมื่อเทียบเป็นรายปี
นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวให้สัมภาษณ์กับซินหัวเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า การลงทุนของจีนในภาคส่วนสำคัญ ๆ รวมถึงอิเล็กทรอนิกส์ แผงวงจร เครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ ศูนย์ข้อมูล และยานพาหนะไฟฟ้า (EV) สอดคล้องกับกลยุทธ์การพัฒนาอุตสาหกรรมของไทยและลำดับความสำคัญของรัฐบาล โดยเน้นย้ำถึงการพึ่งพาซึ่งกันและกันทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งระหว่างทั้งสองประเทศ
คนงานทำงานที่โรงงานผลิตรถยนต์แบรนด์ GWM ของจีน ที่โรงงานในจังหวัดระยอง ภาพถ่ายเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2568 (ซินหัว)
นฤตม์ชี้ว่าภาคยานยนต์เป็นตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จของความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างทั้งสองประเทศ โดยกล่าวว่าผู้ผลิตรถยนต์จีนหลายรายเลือกประเทศไทยเป็นฐานการผลิต ซึ่งมีส่วนช่วยในการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศยานยนต์ในท้องถิ่นด้วยการเสริมสร้างห่วงโซ่การผลิตและอุปทานสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าและส่วนประกอบต่าง ๆ
วิชัยเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ไทยจะต้องรักษาความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับจีนเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก โดยกล่าวว่า “ประเทศไทยต้องการการลงทุนของจีนในอุตสาหกรรมไฮเทค พลังงานสีเขียว การผลิตอัจฉริยะ เทคโนโลยีการเกษตร และภาคเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน นอกจากนี้ ภาคการส่งออกของไทยซึ่งเป็นเสาหลักสำคัญของเศรษฐกิจ ยังต้องอาศัยการขยายพื้นที่ตลาดของตนสู่ตลาดในจีน”
วิรุฬห์ พิชัยวงศ์ภักดี ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางไทย-จีนให้ความเห็นว่า ทั้งจีนและไทยจำเป็นต้องระบุสาขาใหม่ ๆ เพื่อการเติบโตทางด้านการค้าและการลงทุน โดยกล่าวว่า “อนาคตของความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและจีนอยู่ที่กำลังการผลิตที่มีคุณภาพใหม่ ด้วยการเน้นที่อุตสาหกรรมไฮเทค พลังงานที่สามารถทดแทนได้ และเศรษฐกิจดิจิทัล ทั้งนี้คาดว่า ด้านนวัตกรรมและการพัฒนาอุตสาหกรรมไฮเทคที่มีมูลค่าเพิ่มจะเป็นทิศทางหลักสำหรับทั้งสองประเทศในการมุ่งเดินหน้าต่อไป”
ประชาชนซื้อสินค้าตกแต่งตรุษจีนที่เยาวราช กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2568 (ซินหัว)
ฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวจีน
จุดสนใจสำคัญอีกประการหนึ่งของการเยือนจีนของนายกรัฐมนตรีแพทองธารคือการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนและส่งเสริมการท่องเที่ยวให้ชาวจีนมาเที่ยวไทย
โภคิน พลกุล ประธานสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน และอดีตประธานรัฐสภาไทย กล่าวว่า นับตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและจีน ความร่วมมือได้ขยายออกไปอย่างกว้างขวาง ครอบคลุมการค้า การศึกษา และวัฒนธรรม โดยมีการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนเป็นประเด็นสำคัญ ในปี พ.ศ. 2567 ทั้งสองประเทศได้ลงนามในข้อตกลงฟรีวีซ่าเพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน
ในการกล่าวคำอวยพรวันตรุษจีนที่ผ่านมาผ่านสำนักข่าวซินหัว แพทองธารเน้นย้ำถึงความผูกพันทางวัฒนธรรมที่ยั่งยืนระหว่างทั้งสองประเทศ และแสดงความมั่นใจว่ามิตรภาพและความร่วมมือระหว่างไทยและจีนจะยังคงแข็งแกร่งขึ้นต่อไปเพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ
ในเดือนมกราคม สำนักนายกรัฐมนตรีของไทยได้เผยแพร่วิดีโอที่สร้างโดย AI โดยนำเสนอ แพทองธาร ที่พูดเป็นภาษาจีน เพื่อจัดการกับข้อกังวลเกี่ยวกับชาวจีนที่ถูกหลอกให้ปฏิบัติการหลอกลวงในพื้นที่ชายแดน เธอยืนยันว่ารัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวทุกคน และได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยกระดับความร่วมมือ ปรับปรุงมาตรฐานความปลอดภัย และต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติอย่างมีประสิทธิภาพ
ภาพภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 (ซินหัว)
สรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า จุดประสงค์หลักประการหนึ่งของการเยือนจีนของนายกรัฐมนตรีคือการกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีและฟื้นฟูความเชื่อมั่นในประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางการเดินทางที่ปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีน
จากข้อมูลอย่างเป็นทางการของไทย ประเทศไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า 35 ล้านคนในปี 2567 โดยจีนเป็นแหล่งนักท่องเที่ยวรายใหญ่ที่สุด ในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวจีนมากกว่า 6.7 ล้านคน
ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวกับสำนักข่าวซินหัวว่า ข้อมูลดังกล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของนักท่องเที่ยวชาวจีนต่อเศรษฐกิจไทย การเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวชาวจีนไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวและการจ้างงานของไทยเท่านั้น แต่ยังมีส่วนช่วยในการพัฒนาภาคเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น เกษตรกรรมและอุตสาหกรรมอาหารอีกด้วย