การผลิตที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการเติบโต

(People's Daily Online)วันอังคาร 17 มิถุนายน 2025


สายการผลิตและประกอบรถยนต์ในโรงงานผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ในเมืองเหอเฝย มณฑลอันฮุย ทางตะวันออกของจีน
ภาพถ่ายเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2565 (ซินหัว)

ผู้เชี่ยวชาญและผู้บริหารระดับสูงของจีนกล่าวว่าความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ที่จะแสวงหาการผลิตขั้นสูงจะช่วยให้ประเทศสามารถยกระดับห่วงโซ่คุณค่า เพิ่มความได้เปรียบท่ามกลางการแข่งขันระดับโลก และรับมือกับอุปสรรคภายนอกเพื่อให้มั่นใจถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน โดยเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของเทคโนโลยีขั้นสูงในการเสริมสร้าพลังให้กับเศรษฐกิจอุตสาหกรรมอันกว้างใหญ่ของจีน พวกเขากล่าวว่าน่าจะมีนโยบายอื่นๆ อีกมากมายที่จะดำเนินการเพื่อให้การผลิตมีระดับสูงขึ้น ชาญฉลาดขึ้น และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

พวกเขาเสริมว่า เนื่องจากปี 2568 ถือเป็นปีสุดท้ายของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 14 (2564-2568) ของจีน การที่ประเทศให้ความสำคัญกับการเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีหลักในการผลิตจะเร่งการเปลี่ยนแปลงของกรอบแนวคิดการพัฒนาจากการขับเคลื่อนด้วยปริมาณไปเป็นการขับเคลื่อนด้วยคุณภาพในช่วงระยะเวลาของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 15 (2569-73)

ระหว่างการเยือน Luoyang Bearing Group ในมณฑลเหอหนานเมื่อเดือนที่แล้ว สี จิ้นผิงประธานาธิบดีจีนกล่าวว่า “จีนยึดมั่นในแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจที่แท้จริง (real economy) มาโดยตลอด จากการพึ่งพาการนำเข้าไม้ขีดไฟ สบู่ และเหล็กในอดีต จนกระทั่งปัจจุบันกลายเป็นประเทศผู้ผลิตที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่มีประเภทอุตสาหกรรมที่ครบครันที่สุด เราเลือกเส้นทางที่ถูกต้องแล้ว" พร้อมเสริมว่า จีนต้องเสริมสร้างภาคการผลิตต่อไป ยึดมั่นในหลักการสร้างความพึ่งพาตนเองและความแข็งแกร่ง รวมทั้งสร้างความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีหลักในสาขาสำคัญ

หลัว จงเหว่ย นักวิจัยจากสถาบันเศรษฐศาสตร์อุตสาหกรรม สถาบันบัณฑิตสังคมศาสตร์จีน กล่าวว่า การที่สี จิ้นผิงเน้นการผลิต แสดงให้เห็นว่าระบบอุตสาหกรรมสมัยใหม่จะเป็นกุญแจสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของจีนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และจะส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้ง

ตามคำกล่าวของหลัว ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกต่างตระหนักถึงความสำคัญของการผลิต และจีนจะไม่ทำผิดซ้ำเหมือนประเทศพัฒนาแล้วบางประเทศที่เดินตามแนวทางการลดการใช้แรงงานภาคอุตสาหกรรม และตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำงานหนักมากเพื่อนำการผลิตกลับคืนมา

“ฉันเชื่อว่าการผลิตจะเป็นลำดับความสำคัญหลักในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 15 ที่จะถึงนี้ของจีน” หลัวกล่าว

หง ชุนเหลียน นักวิจัยจากสถาบันวิจัยเศรษฐกิจมหภาคแห่งชาติจีนภายใต้คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน กล่าวว่า “การผลิตเป็นจุดศูนย์กลางของการแข่งขันระหว่างมหาอำนาจและอำนาจทางเทคโนโลยี การบ่มเพาะข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์สำหรับอนาคตนั้นขึ้นอยู่กับการพัฒนาคุณภาพสูงของอุตสาหกรรมการผลิตของเราเป็นหลัก”

“การส่งเสริมการยกระดับอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับ real economy ของจีนในอีก 5 ปีข้างหน้า และการบรรลุความก้าวหน้าในเทคโนโลยีที่สำคัญนั้นไม่ใช่ทางเลือก แต่มีความจำเป็น” หงกล่าวเสริม

จาง หลี่ ประธานศูนย์พัฒนาอุตสาหกรรมสารสนเทศแห่งชาติจีน กล่าวว่า “เศรษฐกิจจีนพึ่งพาเศรษฐกิจจริงมาโดยตลอด และด้วยรากฐานนี้เองที่เศรษฐกิจของจีนจะก้าวหน้าต่อไป” 

จีนเป็นประเทศผู้ผลิตที่ใหญ่ที่สุดในโลกในแง่ของผลผลิตเป็นเวลา 15 ปีติดต่อกัน และอยู่อันดับหนึ่งของโลกในการผลิตผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมมากกว่า 220 รายการ ตามข้อมูลของกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลอุตสาหกรรมชั้นนำของจีน

จางกล่าวว่า “ด้วยระบบอุตสาหกรรมที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ จีนจึงมีสถานการณ์การใช้งานที่หลากหลายและศักยภาพทางการตลาดมหาศาลสำหรับนวัตกรรมเทคโนโลยี ตลอดจนการสนับสนุนที่มั่นคงสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมเกิดใหม่”

โมเดลใหม่

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การผลักดันให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมรูปแบบใหม่ของจีนต่างจากประเทศตะวันตกบางประเทศที่หันไปเน้นด้านบริการมากเกินไปจนละเลยการผลิต แต่จีนเน้นรักษาอัตราส่วนของธุรกิจการผลิตใน GDP ของจีนให้คงที่ และไม่เพียงค่อย ๆ ทยอยออกจากภาคอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิม

หง จากสถาบันวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของจีน กล่าวว่า “เราจำเป็นต้องประสานงานการยกระดับอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิมกับการเพาะปลูกภาคอุตสาหกรรมใหม่”

กระทรวงฯ ระบุว่า อุตสาหกรรมแบบดั้งเดิมของจีนมีจำนวนมากและคิดเป็นกว่า 80% ของภาคการผลิต

กระทรวงฯ ระบุเมื่อปีที่แล้วว่า “ไม่ควรเรียกอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิมว่า ‘อุตสาหกรรมระดับล่าง’ แล้วเลิกดำเนินการ แต่เราต้องเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมเหล่านี้ให้ไปในทิศทางที่สูงขึ้น ฉลาดขึ้น และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพื่อให้อุตสาหกรรมเหล่านี้ ‘เบ่งบานอีกครั้ง’”

ขณะเดียวกัน กระทรวงฯ ยังเร่งผลักดันให้มีการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในภาคอุตสาหกรรม

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลี่ เล่อเฉิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นประธานการประชุมในกรุงปักกิ่ง เขาได้สรุปกลยุทธ์ที่ครอบคลุมเพื่อเร่งการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยี AI และการใช้งานแบบบูรณาการ จึงทำให้ AI กลายเป็นตัวขับเคลื่อนหลักสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ของจีน

บริษัทต่าง ๆ กำลังดำเนินการอย่างรวดเร็วในทิศทางนี้ ในเดือนพฤษภาคม รถบรรทุกเหมืองแร่ไฟฟ้าไร้คนขับจำนวน 100 คันได้เริ่มปฏิบัติการที่เหมืองเปิดในเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน ซึ่งถือเป็นการนำยานพาหนะดังกล่าวไปใช้ในระดับที่ใหญ่ที่สุดในโลก

เนื่องจากถ่านหินยังคงเป็นเสาหลักสำคัญของความมั่นคงด้านพลังงานของจีน China Huaneng Group จึงได้ร่วมมือกับ XCMG Machinery และ Huawei Technologies เพื่อพัฒนาระบบขนส่งอัจฉริยะไร้คนขับที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ

China Huaneng Group กล่าวว่า รถบรรทุกไร้คนขับเหล่านี้สามารถทดแทนน้ำมันดีเซลได้มากกว่า 15,000 เมตริกตันต่อปี ส่งผลให้ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 48,000 ตัน รถบรรทุกแต่ละคันสามารถขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพถึง 120 % เมื่อเทียบกับการขนส่งด้วยมือ และสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องในอุณหภูมิที่ต่ำถึง -40 องศาเซลเซียส

จาง ผิงอัน ซีอีโอของ Huawei Cloud กล่าวว่า “โครงการนี้แสดงให้เห็นว่า 5G, คลาวด์, AI และเทคโนโลยีพลังงานใหม่สามารถแก้ปัญหาหลักของอุตสาหกรรมได้อย่างไรในการสร้างรูปแบบใหม่สำหรับการทำเหมืองทั่วโลก”

การเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์

เดนิส เดอปูซ์ กรรมการผู้จัดการระดับโลกของบริษัทที่ปรึกษาตลาด โรแลนด์ เบอร์เกอร์ กล่าวว่า จีนกำลังปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ทันสมัยและยั่งยืน ซึ่ง “ต้องอาศัยปัจจัยต่างๆ เช่น การผลิตขั้นสูง การลดการปล่อยคาร์บอน และความสามารถในการพัฒนาเชิงนวัตกรรมที่เพิ่มมากขึ้น”

จีนครองตำแหน่งผู้นำในรายชื่อเครือข่ายโรงงานประภาคารโลก (Global Lighthouse Network) ซึ่งเป็นโครงการที่เปิดตัวโดยฟอรั่มเศรษฐกิจโลกร่วมกับบริษัทที่ปรึกษา McKinsey &Co เพื่อติดตามโรงงานผลิตขั้นสูงที่เรียกว่า "โรงงานประภาคาร" ซึ่งใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่ล้ำสมัย

ปัจจุบัน จีนมี "โรงงานประภาคาร" อยู่ 79 แห่ง ซึ่งถือเป็นจำนวนสูงสุดในบรรดาประเทศทั้งหมด และคิดเป็นมากกว่าหนึ่งในสามของจำนวนทั้งหมดทั่วโลก

ขณะเดียวกัน จีนก็มีศักยภาพในการผลิตอุปกรณ์ที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ข้อมูลจากกระทรวงฯ ระบุว่าการผลิตยานยนต์พลังงานใหม่ประจำปีได้ผ่านหลักชัย 10 ล้านคันเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 ทำให้จีนเป็นประเทศเดียวที่บรรลุความสำเร็จดังกล่าว

ตัวเลขดังกล่าวเติบโตจาก 1 ล้านเป็น 10 ล้านภายในเวลาเพียง 6 ปี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างไม่ลดละของประเทศในการพัฒนาที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม

หลี่ จิงหง นักวิชาการจากสถาบันวิทยาศาสตร์จีนและศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยชิงหัวกล่าวว่า “นวัตกรรมถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ขับเคลื่อนความก้าวหน้าคุณภาพสูงของภาคการผลิต และบริษัทต่างๆ กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนทางนวัตกรรมมากขึ้นเรื่อยๆ”